ปรับกระบวนทัศน์ “ลูกบัวสวรรค์” ปั้นวัยโจ๋เรียนรู้โลกเทคโนโลยีเสิร์ฟความอร่อย “ออนไลน์”

ยุคสมัยปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนสำคัญในการใช้ชีวิตของคนในสังคมอย่างมากไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่อง “อาหารการกิน” ผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยมีการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์และที่กำลังเป็นที่นิยมมากในขณะนี้ก็คือ ผ่านแอปพลิเคชันด้วยปลายนิ้วทางสมาร์ทโฟน
ถือเป็นการอำนวยความสะดวกทั้งการสั่งซื้อและจัดส่งอาหารได้ถึงหน้าประตูบ้านไม่ต้องฝ่าวิกฤติการจราจรที่ติดขัดตามหัวเมืองใหญ่ๆให้เสียเวลา และค่าน้ำมัน
ด้วยพฤติกรรมการบริโภคของคนในสังคมที่เปลี่ยนไปนี้เองทาง สาขาวิชาอาหารและโภชนาการคณะเทคโน-โลยีคหกรรมศาสตร์ มหา-วิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล(มทร.) ธัญบุรี ต้องขยับเพื่อปรับตัวปรับเนื้อหาและกระบวนการในการจัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับสภาพการณ์

การปรับกระบวนทัศน์ในการจัดการเรียนการสอนในยุคใหม่นี้จะเป็นอย่างไร “นายว้าก” ไม่พลาดที่จะไปเจ๊าะแจ๊ะถามไถ่ อาจารย์กฤติน ชุมแก้ว อาจารย์ประจำสาขาวิชาอาหารและโภชนาการเล่าว่า”วิชานวัตกรรมการบริการอาหารเรียนเกี่ยวกับนวัตกรรมการบริการอาหารในปัจจุบันเช่น การจำหน่ายอาหารผ่านแอปพลิเคชัน การทำธุรกิจขายอาหารออนไลน์ โดยนักศึกษาต้องสร้างเพจเพื่อขายอาหารและคิดเมนูอาหารที่จะขายเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าในปัจจุบันมีการออกแบบโลโก้และเลือกบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับอาหารเสมือนการสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง นักศึกษาได้เรียนรู้และได้ฝึกปฏิบัติจริง ในสถานการณ์จริงส่งเสริมให้สามารถประยุกต์องค์ความรู้กับการประกอบอาชีพได้และนักศึกษาจะได้ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์”
ขณะที่ อาจารย์อภิเดชพงษ์ประจักษ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาอาหารและโภชนาการ เสริมว่า”สิ่งที่นักศึกษาจะได้คือการคำนวณต้นทุนราคาขายการเลือกบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับอาหารหลักการตลาดกลยุทธ์ในการขายสินค้า เช่น การโพสต์ในเพจเพื่อขาย การรับออเดอร์การบริหารจัดการในการประกอบอาหารรวมถึงระบบการจัดการส่งอาหาร ซึ่งนักศึกษามีรายได้เสริมระหว่างเรียน”
มาฟังเสียงบรรดาหนุ่มสาว “ลูกบัวสวรรค์” ชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาอาหารและโภชนาการคณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์มทร.ธัญบุรีที่เรียนวิชานวัตกรรมการบริการอาหารและเป็นผู้ลงมือปฏิบัติกันบ้าง
เริ่มที่ “ทอ” ทอฟ้า ตามตระกูล บอกว่า “จากการสำรวจความคิดเห็นเพื่อนในกลุ่มมีความเห็นที่จะทำน้ำพริกแห้ง ออกขายตอนนี้น้ำพริกที่นิยมคือ น้ำพริกกากหมูสำหรับน้ำพริกกากหมู ใช้มันหมูล้วนแตกต่างจากท้องตลาด เพราะมันหมูล้วนต้นทุนน้อยเวลากินเข้าไปอร่อยเข้ากับเครื่องสมุนไพร หอมกระเทียม พริกแห้ง และใบมะกรูด 1 กระปุก 70 กรัมราคา 55 บาทจากการลงขายในเพจได้รับการตอบรับจากกลุ่มคนทำงาน ซึ่งมีออเดอร์ประมาณ 30 กระปุกต่อวันเป็นการสร้างรายได้และฝึกฝีมือในการทำอาหารอีกด้วย”
“อั้ม” เสาวภาคย์บำรุงพงษ์ เล่าว่า “คิดเมนูขนมทานเล่นที่สามารถพกพาไปได้ทุกที่และลงตัวที่”ขนมปังเนยหนึบ” มี 5 รสชาติ ได้แก่ เนย ชานม นมเย็น ชาเขียว และโกโก้ โดยสมาชิกทุกคนในกลุ่มได้ช่วยกันคิดค้นสูตรที่เหมาะสม เน้นสดใหม่ทุกวันรับออเดอร์ต่อออเดอร์ ไม่ทำค้างสต๊อกเมื่อขายในเพจได้รับความสนใจจากกลุ่มวัยรุ่น และวัยทำงานโดยราคา”ซิมเบิ่งเนยหนึบ”ห่อละ 35 บาท 3 ห่อ 100 ในการเรียนได้ฝึกให้คิดเมนูเองวางแผนการขายคำนวณต้นทุนกำไร เป็นการสร้างธุรกิจให้กับนักศึกษา”
ขณะที่สาวเสียงใส “บีม” พรนภัส ช่วงชู ร่วมแจมว่า”เครปเย็น เป็นเมนูของกลุ่ม ทุกคนในกลุ่มชอบทานและกำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน โดยมี 3 ไส้ คือ ไส้ฝอยทอง โอรีโอ ช็อกโกแลต และกล้วย กว่าที่จะได้สูตรที่ลงตัวต้องลองผิดลองถูก ลูกค้าเครปเย็นตัวเล็กเป็นกลุ่มนักศึกษาและอาจารย์แถวมหาวิทยาลัย และบริเวณรอบ มทร.ธัญบุรี เนื่องจากเครปเย็นระยะเวลาในการเก็บสั้น จึงมีข้อกำจัดของกลุ่มเป้าหมาย”
ส่วนเจ้าของเมนู FanQian ข้าวตัง “เวฟ” ทวิภพตลาด ยิ้มก่อนแชร์ประสบการณ์ว่า”ได้ประยุกต์สูตรข้าวตังโบราณ ให้มีรสชาติที่ผู้บริโภคเข้าถึงได้มากขึ้น มีทั้งหมด 2 รสชาติ คือ หมูหย็องพริกเผาห่อละ 29 บาท และน้ำตาลดั้งเดิมห่อละ 20 บาทจากการขายมีออเดอร์ใหญ่เข้ามาแล้ว 100 กล่องผลตอบรับดีมากล่าสุดทางกลุ่มได้เพิ่มรสชาติข้าวตังเนยหนึบด้วย”

ด้านหนุ่มมาดเข้ม “ไอซ์”ภูบดินทร์สวัสดี เล่าว่า “ทางกลุ่มได้คิดเมนูคุกกี้เป็นคุกกี้นิ่ม ลักษณะกึ่งเนื้อเค้กและเนื้อคุกกี้ มีทั้งหมด 3 รสชาติ น้ำตาลทรายแดงช็อกโกแลตชิป (ออริจินัล) ชาเขียวอัลมอนด์และโกโก้ลูกเกด ทุกครั้งที่ลงมือทำคุกกี้คิดไว้ 3 สิ่งสะอาด มีประโยชน์ และคุณภาพ ผู้สนใจสั่งซื้อได้ทางเพจ คุกกี้คุกกี้ ในราคาชิ้นละ 12 บาท กล่องละ 99 บาท มีทั้งหมด 8 ชิ้น ซื้อเป็นของฝากและของขวัญแทนใจได้”
ปิดท้ายที่ “กอล์ฟ” ธนพล พร้อมอิทธิกุล ส่งเสียงดังฟังชัดมาร่วมแจมว่า “เพื่อนๆหลายๆกลุ่มได้ทำอาหารสำหรับคนแล้ว กลุ่มของผมจึงหาอะไรที่แตกต่าง โดยการทำอาหารสัตว์ขายในชื่อ Snackie Doggie โดยมองว่าอาหารน้องหมาทำให้น้องหมาแล้ว ต้องนำเงินที่ได้มาทำประโยชน์ โดยนำกำไร 50% ไปบริจาคให้กับบ้านสงเคราะห์สุนัข “ป้าเอ๋” เป็นการนำความรู้ในวิชาชีพช่วยเหลือสังคม”
เห็นสถาบันอุดมศึกษาปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการจัดการเรียนการสอนให้ทันยุคสมัยแบบนี้แล้ว “นายว้าก” ขอชื่นชมและปรบมือเป็นกำลังใจให้ดังๆเป็นการเตรียมคนที่ตรงตลาดแรงงานยุคใหม่เป๊ะ!!!